Magazine

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ลองดูรูปไปก่อน ข้อความประกอบจะตามหลังมา

หนังสือที่มี

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ขอประเดิมเริ่มต้นด้วยการคารวะแด่เจ้าของหนังสือเพลงฮิตในอดีต  I.S.Song Hits  เล็ก วงศ์สว่าง ที่ล่วงลับไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ด้วยอายุเพียง 68 ปี ก็เป็นรุ่นพี่ผมไม่กี่ปี ในฐานะที่ผมเป็นแฟนเพลง และเป็นแฟนหนังสือเพลงของท่าน ต้องรอซื้อทุกเดือน เพื่ออัปเดทข้อมูลวงการเพลง และเก็บไว้ดูเนื้อร้องเพื่อประกอบการอ่านออกมาเป็นเสียงโหยหวนคลอกันไปกับเสียงอันไพเราะของ เอลวิส เพรสลีย์, คริฟ ริชาร์ด หรือเดอะบีทเทิล  ที่ส่งเสียงมาจากวิทยุคู่ใจ เครื่องเท่าเตาไมโครเวฟที่ไอ้มืดชอบแบกเดินไปตามท้องถนนในอเมริกา   ถ้าเอลวิสรู้ว่ามีไอ้เสียงเหมือนควายมาร้องตีคู่กะกูคงอยากออกจากวิทยุมาถีบ(สมัยนั้นไม่เคยคิดว่าจะมี iPod ที่เครื่องนิดเดียวเก็บเพลงได้เป็นพันๆเพลง) สร้างความรำคาญให้ชาวบ้านได้พอสมควร แต่เค้าไม่อยากยุ่งด้วย โดยถือคติว่าไม่ควรเอาไม้ไปแหย่ขี้(มันเหม็น)

ถ้าผมอดทนอีกสักหน่อย ไม่เลิกลาซะก่อน อ๊อด คาราบาว ไม่ได้เกิดหรอก นีแหละเขาเรียก "ดวง" มันจะไม่ได้เป็นนักร้องกะเขา
ก็ขอคารวะท่านครับพี่ เล็ก วงศ์สว่าง ขอให้ท่านมีความสุขเหมือนอย่างที่ท่านทำให้คนอื่นมีความสุขมานานเท่านาน

ในฐานะที่ Blog นี้เราจะพูดกันถึงเรื่องหนังสือ  โดยเฉพาะหนังสือที่ผมมีเก็บไว้ ทั้งที่อยู่ในลังในตู้ ก็เลยลองค้นดู ก็เจอหนังสือในเครือ I.S.Song Hits อยู่ 2 เล่ม มาดูกันครับ







เล่มนี้รวบรวมเพลงเอลวิส ตั้งแต่ปี 1955 - 1977 จำวน 176 หน้า  นอกนั้นเป็นรูปสี รูปขาวดำ ประวัติของเอลวิส  รวมถึงข่าวการเสียชีวิตของเอลวิสในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ และของ ไทยรัฐ, เดลินิวส์ ที่โด่งดังในสมัยนั้น,บทสัมภาษณ์ สักรินทร์ ปุญญฤทธิ์ เอลวิสเมืองไทยคนหนึ่ง  รวมอีก 76 หน้า ราคาปก 100 บาท ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ (สอบถามร้านหนังสือเก่าตั้งราคาไว้ที่ 500 บาท)










ปกหลัง

























เล่มนี้เป็นการรวมเพลงและประวัติรูปถ่ายในวัยเด็กของ The Beatles และเพลงของนักร้องอื่นๆอีกส่วนหนึ่ง และยังมีคอลัมน์ต่างๆอีกมาก   เป็นฉบับครบรอบปี่ที่ 6 (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) หนากว่า 300 หน้า  ราคาปก 10 บาท

เล็ก วงศ์สว่าง ปรารภอย่างขอความเห็นใจแฟนหนังสือในท้ายเล่มว่า ที่ขึ้นราคาจาก 3 เป็น 4 เป็น 5 บาท ตามลำดับมานั้น เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็พยายามเพิ่มคุณภาพอย่างเต็มที่ และฉบับครบรอบนี่ก็หนาเป็น 2 เท่า (จึงตั้งราคา 10 บาท)

เป็นไง...เด็กรุ่นนี้ฟังแล้วคงไม่อยากจะเชื่อ   เดี๋ยวนี้ให้ขอทาน 5 บาท มันยังค้อนเอาเลย...





เล็ก วงศ์สว่ง ในเล่ม The Beatles















ขออำลาอาลัยอีกครั้งครับ....






หนังสืออื่นๆ


ใครที่รู้จัก อาจินต์ ปัญจพรรค์ ก็คงจะนึกถึงนิยายเรื่อง "เหมืองแร่" ที่อาจินต์นำมาร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่า ที่หนุ่มๆสมัยนั้นติดกันงอมแงม อยากจะใช้ชีวิตอย่างตัวเอก(ก็คือคุณอาจินต์นั่นแหละ) ในเรื่องบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะไปสมัครงานที่เหมืองไหน  เพราะเวลาที่อาจินต์กลับมาเขียนหนังสือขายนั้น เหมืองก็ปิดไปหมดแล้ว


ที่ได้มาก็เห็นจะเป็นเรื่อง "กินเหล้า"(ดื่ม) ซะละมาก  เพราะในเรื่องนี้รู้สึกว่ากินเหล้ากันมันดี เลยเลียนแบบมาได้อย่างเดียว (เคยแอบไปดูหนังเรื่องนี้มา ตอนหนังเลิก เดินออกจากโรง ได้ยินเสียงเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งวิจารณ์กันว่า "ไอ้ห่..กูเห็นมันแด..เหล้ากันทั้งเรื่อง" ก็ดี ถ้าเด็กกลุ่มนี้เกลียดเหล้ากันจริงๆ)


แต่หนังสือที่ผมมีนี้เป็นเรื่องที่ อาจินต์แปลมาจากหนังสือฝรั่ง รวมๆกัน 3 เล่ม  ให้ชื่อภาษาไทยว่า "เด็กฝรั่งช่างพูด" เป็นเรื่องความคมคายใสซื่อของเด็กๆชาวอเมริกัน






ตัวอย่างเช่น
ถาม : หนุหาเงินมาได้อย่างไร ?
ตอบ : ถ้าวันไหนผมไม่เยี่ยวรดที่นอน  ผมจะได้ 1 สลึง    (ค่าเงิน ปี 2506 ขณะที่แปลเรื่องนี้)
...............................
ถาม : หนูอย่าไปดึงหางหมา เดี๋ยวมันจะกัดเอา
ตอบ : ไม่กัดหรอกแม่ ทางหางมันกัดไม่ได้
...............................
ถาม : หนูร้องไห้ทำไม ?
ตอบ :หนูขุดรูไว้ที่นี่ แล้วเอาเข้าไปไว้ในบ้านไม่ได้


เป็นอย่างไรบ้างครับ  เล่มนี้มี 268 หน้า พิมพ์ครั้งที่ 2. กุมภาพันธ์ 2512 ราคาปก 5.00 บาท 


(อาจินต์ ปัญจพรรค์ เป็นผู้ริเริ่มสโลแกนสำนักพิมพ์ "โอเลี้ยง 5 แก้ว" คือพิมพ์เอง ขายเองเล่มละ 5 บาท ซึ่งขณะนั้น โอเลี้ยงแก้วละบาท)




************










เล่มต่อไปคือ "ฉากญี่ปุ่น"  เขียนโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งนามนี้ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆเพิ่มเติมอีกแล้ว


เป็นเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณีของญี่ปุ่น  เขียนในเชิงวิเคราะห์  อ่านสนุก มีสาระตามสไตล์ "คึกฤทธิ์"


พิมพ์ปี 2521,  382 หน้า  ราคาปก 20.00 บาท




















(ยังมีต่อ....)



หนังสือที่คุณอยากได้

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หลังเกษียณแล้ว มีเวลามากขึ้น ก็เลยต้องหาอะไรทำ  แต่ต้องเป็นสิ่งที่เราชอบนะ  ไอ้ที่ไม่ชอบแล้วจำเป็นต้องทำ เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเลี้ยงครอบครัวน่ะ  พอกันที โดนคนอื่นสั่งให้ทำมานานแล้ว ตอนนี้ขอทำตามใจตัวเองบ้าง  อย่างน้อยก็แค่เวลาที่เหลือก่อนตายก็ยังดี  

บางคนพอได้ยินเราบ่นว่าไม่มีอะไรทำ  โอ๊ย ช่วยกันหางานมาให้ทำกันใหญ่  งานที่เราเซ็งๆทั้งนั้น  พอเราไม่ทำก็บอกว่า อ้าว..เห็นบ่นว่าไม่มีอะไรทำไง....ก็คนกันเองทั้งนั้น....

สิ่งที่ชอบ  แต่เมียไม่ค่อยจะชอบให้เราทำ  (คงคิดว่าเราขี้เกียจ) ก็คือการอ่านหนังสือ (มันไม่เหนื่อยดี)  ทีนี้ไอ้หนังสือที่ซื้อไว้ อ่านจบบ้างไม่จบบ้างมันยัดบ้างกองบ้างไว้ตามตู้ตามโต๊ะเต็มไปหมดรอบ(ภายใน)บ้าน บางทีเราจำได้ว่าเคยมีหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้จะหามาอ่าน หรือจะหาข้อมูลอะไรสักหน่อย ก็หาไม่เจอ คือตอนทำงานไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อ่านค้างไว้ครึ่งๆกลางๆ พอซื้อเล่มใหม่มาก็ไปอ่านเล่มใหม่ก่อน และก็เป็นเช่นนี้เหมือนเดิมอีก






ดังนั้น ก็เลยคิดจะจัดหมวดหมู่หนังสือเสียใหม่ให้แยกประเภทให้อยู่เป็นหมู่เป็นพวก  เวลาค้นหาจะได้ไม่ยุ่งยาก  เมื่อรื้อไปค้นไป ก็จะมีหนังสือบางพวกต้องทิ้งบ้าง (เพราะที่เก็บมีจำกัด) จะทิ้งก็เสียดายเลยคิดว่าจะแยกๆไว้  เอาไว้จะเอามาลงรูปไว้ใน Blog นี้ เผื่อใครอยากได้ให้ติดต่อมา เผื่อจะมีรายได้ไปซื้อเล่มใหม่ต่อไป เคยแยกประเภทหางๆให้ซาเล้งไปหลายลังแล้ว ได้มาไม่กี่สิบบาทเอง  คราวนี้อาจจะรวยเป็นล้านก็ได้ ใครจะไปรู้

ขณะนี้ ก็เจอหนังสือเก่าๆที่เราเก็บไว้นานแล้ว บางเล่มตั้งแต่ยังไม่มีเมียก็มี  ระหว่างนี้ก็พอดีมาหัดทำ Blog ของ Google ก็เลยเปิด Blog มันเสียเลย เผื่อมีเล่มไหนเราไม่มีที่เก็บพอ ก็จะขายเสียเลยอย่างที่ว่า  แต่ตอนนี้ลองๆทำเล่นๆไปก่อน  ใครจะแนะนำอะไร  หรือสนใจหนังสืออะไร ประเภทไหน  ลองคุยกันได้นะครับ   ตอนนี้ก็ลองเอาหนังสือเก่าๆ(พิมพ์มานานแล้ว)มาโชว์ให้ดูเป็นแซมเปิลพลางๆไปก่อน  ถือเป็นการฝึกงานไปในตัว


ผมเคยเห็นหนังสือบางเล่มเมื่ออยู่ที่หนึ่ง ดูจะไม่มีคุณค่าราคาอะไรเลย  แต่เมื่อไปอยู่อีกที่หนึ่ง กลับได้รับการทนุถนอมอย่างของมีค่า

หนังสือบางเล่มมีคนต้องการ  แต่ไม่รู้มันอยู่ที่ไหน หรืออาจไปอยู่กับใครบางคน ที่ไม่ต้องการมันเลย  ผมเคยไปค้นกองหนังสือเลหลังลดราคา ค้นอยู่ครึ่งวันบางทีได้หนังสือเล็กๆมาเล่มเดียว  เรายังเคยคิดว่าน่าจะมีคนทำรายชื่อหนังสือพวกนี้ไว้ก็จะดี คนที่จะซื้อก็ดูได้จากรายชื่อ ไม่ต้องไปนั่งคุ้ยนั่งค้น แล้วก็ตั้งราคาสูงขึ้นมาอีกนิดหน่อย  ถือเป็นการอำนวยความสะดวก  ไม่รู้ตอนนี้มีเว็ปพวกนี้บ้างหรือยัง  ยังไม่ได้ลองค้นดู เพราะไม่คิดว่าจะไปแข่งกับใคร

อย่างร้านหนังสือเก่าที่มีเป็นพันเป็นหมื่นเล่ม  ผมเห็นกองทับกันอยู่สูงเป็นฟุตๆ  ผมก็ยังสงสัยว่าไอ้เล่มล่างสุดที่มีเพื่อนๆมันทับอยู่สูงร่วมสองฟุตนั่นนะ ถ้าเป็นหนังสือที่ผมอยากได้ ผมจะมีโอกาสรู้ไม้เนี่ยะว่ามันนอนอยู่ตรงนั้น  จะให้ไปรื้อขึ้นมาดู แล้วเกิดไม่ใช่เล่มที่เราต้องการ  เจ้าของร้านคงมองตากลับ   ผมก็ฝันๆไปว่าน่าจะมีคนทำ  ตอนนี้ผมทำของผมแก้เมื่อยไปก่อน  นอนเฉยๆเดี๋ยวเมียจะใช้ไปทำอย่างอื่นเสียอีก

ตอนนี้ขอไปรื้อหนังสือต่อก่อน  เจออะไรเก๋าๆ หรือน่าสนใจ(สำหรับผม)จะกลับมาใหม่  สวัสดีครับ




****************************************